การวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสวินเบิร์น มหาวิทยาลัยชื่อดังในออสเตรียเลีย ก่อกำเนิดดิสก์แห่งอนาคตที่สามาถจัดเก็บข้อมูลได้มากกว่าดีวีดีทีใช้กันอยู่ในปัจจุบันถึง 2,000 เท่าเลยทีเดียว
นี่เป็นครั้งแรกที่ศูนย์วิจัยไมโครโฟโตนิกส์ของมหาวิทยาลัยได้สาธิตให้เห็นว่านาโนเทคโนโลยีสามารถสร้างดิสก์ "5 มิติ" ที่สามารถสร้างพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดมหาศาลได้อย่างไร
งานวิจัยชิ้นนี้ของนักวิจัยทั้ง 3 คนได้แก่ ปีเตอร์ ซิลสตรา, ดร.เจมส์ ชอน และศาตราจารย์มิน กู ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ Nature
"เราสามารถแสดงให้เห็นว่าวัสดุโครงสร้างนาโนนี้สามารถประกอบขึ้นเป็นดิสก์เพื่อเพิ่มความจุของข้อมูลได้ โดยไม่ต้องขยายขนาดทางกายภาพของดิสก์แต่อย่างใด" ศาสตราจารย์กูกล่าว
ดิกส์ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นชนิดดิสก์ 3 มิติ แต่นักวิจัยของสวินเบิร์นสามารถที่จะใช้อนุภาคนาโนในการสร้างมิติเพิ่มขึ้นมาอีก 2 มิติ คือมิติสเปกตรัมหรือมิติสี และมิติโพลาไรเซชั่น
"มิติพิเศษที่เราเพิ่มขึ้นมานี้เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เราสร้างพื้นที่จุข้อมูลขนาดมหาศาลได้"
การสร้าง"มิติสี"ขึ้นมานั้น นักวิจัยจะเติมอนุภาคทองคำนาโนรอดเข้าไปบนพื้นผิวของดิสก์ เนื่องจากว่าอนุภาคนาโนจะมีปฏิกิริยากับสว่างได้ดี ซึ่งทำให้นักวิจัยสามารถบันทึกข้อมูลที่ตำแหน่งเดิมบนแผ่นดิสก์ได้โดยใช้ความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน
นับว่าเป็นพัฒนาการครั้งใหญ่จากดีวีดีที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันที่จะบันทึกข้อมูลได้ด้วยการใช้เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นเดียวเท่านั้น
และนักวิจัยยังสามารถเพิ่มมิติใหม่เข้าไปในดิสก์โดยใช้หลังการโพลาไรเซชั่นได้อีกด้วย คือเมื่อฉายคลื่นแสงที่ทำการทดลองลงไปบนดิสก์ อนุภาคทองคำนาโนรอดจะช่วยจัดทิศของสนามไฟฟ้าให้อยู่ภายในขอบเขตของดิสก์เท่านั้น ซึ่งจะทำให้นักวิจัยสามารถบันทึกข้อมูลได้มากขึ้นด้วยการฉายแสงในมุมที่แตกต่างกันสำหรับข้อมูลที่อยู่คนละเลเยอร์
"โพลาไรเซชั่นนี้สามารถหมุนได้ 360 องศาเลย" ดร.ชอนกล่าว "ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถบันทึกข้อมูลได้ที่ 0 องศาโพราไรเซชั่น จากนั้นเลเยอร์ถัดไปเราก็บันทึกข้อมูลที่ 90 องศาโพลาไรเซชั่น โดยที่ข้อมูลดังกล่าวจะไม่ไปรบกวนกันเลย"
อย่างไรก็ตาม ดิสก์ดังกล่าวยังต้องมีการพัฒนาปรับปรุงจุดบกพร่องอยู่หลายจุด เช่นความเร็วของการเขียนดิสก์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม นักวิจัยก็ได้เซ็นสัญญาตกลงกับบริษัทซัมซุงไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนักวิจัยก้มั่นใจมากว่าน่าจะมีการจำหน่ายเชิงพาณิชย์ต่อไปในอีก 5-10 ปีข้างหน้านี้
ดิสก์แห่งอนาคตดิสก์นี้น่าจะถูกใช้งานในงานระดับสูงของหลายๆสาขา เช่น สาขาการแพทย์ก็อาจจะนำไปใช้กับ MRI สาขาการเงิน สาขาทหาร ความปลอดภัย เป็นต้น
และความสำเร็จครั้งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากนักวิจัยไม่ได้รับการสนับสนุนที่มีมาอย่างยาวนานของสภาวิจัยแห่งออสเตรเลีย
ที่มา
http://www.vcharkarn.com/vnews/152318